วันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

Murray Rothbard


Murray Newton Rothbard (2 mars 1926 - 7 janvier 1995) est un économiste et un philosophe politique américain, théoricien de l’école autrichienne d’économie (élève de Ludwig von Mises), du libertarianisme et de l’anarcho-capitalisme.
Son œuvre majeure, qui expose la théorie anarcho-capitaliste fondée sur le
droit naturel, est l’Éthique de la Liberté. Outre ses œuvres dans les domaines de l’économie et de la politique, Rothbard s’est également intéressé à l’histoire économique. Il est un des rares auteurs qui ait disserté dans son œuvre Perspective autrichienne sur l’histoire de la pensée économique sur les écoles qui ont précédé Adam Smith, telles que celles des scolastiques et des physiocrates.
Ses autres ouvrages marquants sont
Man, Economy, and State, Power and Market, America’s Great Depression, For a New Liberty: The Libertarian Manifesto, Sociology of the Ayn Rand Cult, The Mystery of Banking.
Il fut un théoricien très influent sur le
Ludwig von Mises Institute of Alabama. Il eut pour élève Hans-Hermann Hoppe.

Festival de Cannes


Le Festival de Cannes, fondé en 1946 sous l'égide de Jean Zay et appelé jusqu’en 2002 le Festival international du film, est devenu au fil des années le festival de cinéma le plus médiatisé au monde, et son influence n'a cessé de grandir grâce aux médias et sponsors présents pour l'évènement, notamment lors de la cérémonie d'ouverture et de la traditionnelle montée des marches : le fameux tapis rouge et ses vingt quatre « marches de la gloire ». Malgré ce prestige, le Festival a souvent été critiqué, et il fut à l'origine de plusieurs scandales ou controverses que relayèrent magazines et journaux, français et étrangers.
Chaque année, durant la seconde quinzaine de
mai, la ville de Cannes (Alpes-Maritimes) est envahie par des cinéastes et prise d'assaut par des milliers de photographes. C'est au Palais des Festivals et des Congrès, situé sur le boulevard de la Croisette, que les principales projections ont lieu.
Parallèlement au Festival, plusieurs sections ont été créées au fil des ans. Parmi elles, on retrouve la
Quinzaine, la Cinéfondation, la Semaine de la critique, Un Certain Regard, et surtout le Marché du film de Cannes, le premier au monde, en importance. Durant ces festivités, l'occasion est donnée aux nombreux producteurs et distributeurs présents sur place de trouver des partenaires pour le financement de leurs projets de films, ou de vendre les œuvres déjà tournées aux distributeurs et télévisions du monde entier.
Bien qu'il fît initialement figure de manifestation touristique et mondaine, le Festival a été créé pour récompenser le
meilleur film, le meilleur réalisateur ou le meilleur acteur et la meilleure actrice. Pourtant, au fil des années, d'autres prix sont apparus et sont venus se rajouter au prestige cannois, comme le prix du jury, et surtout la Palme d'or.

วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2551

~~นางสงกรานต์~~

ตามจารึกที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามกล่าวตามพระบาลีฝ่ายรามัญว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเศรษฐีคนหนึ่ง รวยทรัพย์แต่อาภัพบุตร ตั้งบ้านอยู่ใกล้กับนักเลงสุราที่มีบุตรสองคน วันหนึ่งนักเลงสุราต่อว่าเศรษฐีจนกระทั่งเศรษฐีน้อยใจ จึงได้บวงสรวงพระอาทิตย์ พระจันทร์ ตั้งจิตอธิษฐานอยู่กว่าสามปี ก็ไร้วี่แววที่จะมีบุตร อยู่มาวันหนึ่งพอถึงช่วงที่พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ราศีเมษ เศรษฐีได้พาบริวารไปยังต้นไทรริมน้ำ พอถึงก็ได้เอาข้าวสารลงล้างในน้ำเจ็ดครั้ง แล้วหุงบูชาอธิษฐานขอบุตรกับรุกขเทวดาในต้นไทรนั้น รุกขเทวดาเห็นใจเศรษฐี จึงเหาะไปเฝ้าพระอินทร์ ไม่ช้าพระอินทร์ก็มีเมตตาประทานให้เทพบุตรองค์หนึ่งนาม "ธรรมบาล" ลงไปปฏิสนธิในครรภ์ภรรยาเศรษฐี ไม่ช้าก็คลอดออกมา เศรษฐีตั้งชื่อให้กุมารน้อยนี้ว่า ธรรมบาลกุมาร และได้ปลูกปราสาทไว้ใต้ต้นไทรให้กุมารนี้อยู่อาศัย

ต่อมาเมื่อธรรมบาลกุมารโตขึ้น ก็ได้เรียนรู้ซึ่งภาษานก และเรียนไตรเภทจบเมื่ออายุได้เจ็ดขวบ เขาได้เป็นอาจารย์บอกมงคลต่าง ๆ แก่คนทั้งหลาย อยู่มาวันหนึ่ง ท้าวกบิลพรหม ได้ลงมาถามปัญหากับธรรมบาลกุมาร 3 ข้อ ถ้าธรรมบาลกุมารตอบได้ก็จะตัดเศียรบูชา แต่ถ้าตอบไม่ได้จะตัดศีรษะธรรมบาลกุมารเสีย ท้าวกบิลพรหมถามธรรมบาลกุมารว่า ตอนเช้าศรีอยู่ที่ไหน ตอนเที่ยงศรีอยู่ที่ไหน และตอนค่ำศรีอยู่ที่ไหน ทันใดนั้นธรรมบาลกุมารจึงขอผัดผ่อนกับท้าวกบิลพรหมเป็นเวลา 7 วัน

ทางธรรมบาลกุมารก็พยายามคิดค้นหาคำตอบ ล่วงเข้าวันที่ 6 ธรรมบาลกุมารก็ลงจากปราสาทมานอนอยู่ใต้ต้นตาล เขาคิดว่า ขอตายในที่ลับยังดีกว่าไปตายด้วยอาญาท้าวกบิลพรหม บังเอิญบนต้นไม้มีนกอินทรี 2 ตัวผัวเมียเกาะทำรังอยู่ นางนกอินทรีถามสามีว่า พรุ่งนี้เราจะไปหาอาหารแห่งใด สามีตอบนางนกว่า เราจะไปกินศพธรรมบาลกุมาร ซึ่งท้าวกบิลพรหมจะฆ่าเสีย ด้วยแก้ปัญหาไม่ได้ นางนกจึงถามว่า คำถามที่ท้าวกบิลพรหมถามคืออะไร สามีก็เล่าให้ฟัง ซึ่งนางนกก็ไม่สามารถตอบได้ สามีจึงเฉลยว่า ตอนเช้า ศรีจะอยู่ที่หน้า คนจึงต้องล้างหน้าทุก ๆ เช้า ตอนเที่ยง ศรีจะอยู่ที่อก คนจึงเอาเครื่องหอมประพรมที่อก ส่วนตอนเย็น ศรีจะอยู่ที่เท้า คนจึงต้องล้างเท้าก่อนเข้านอน ธรรมบาลกุมารก็ได้ทราบเรื่องที่นกอินทรีคุยกันตลอด จึงจดจำไว้

ครั้นรุ่งขึ้น ท้าวกบิลพรหมก็มาตามสัญญาที่ให้ไว้ทุกประการ ธรรมบาลกุมารจึงนำคำตอบที่ได้ยินจากนกไปตอบกับท้าวกบิลพรหม ท้าวกบิลพรหมจึงตรัสเรียกธิดาทั้งเจ็ดอันเป็นบาทบาจาริกาพระอินทร์มาประชุมพร้อมกัน แล้วบอกว่า เราจะตัดเศียรบูชาธรรมบาลกุมาร ถ้าจะตั้งไว้ยังแผ่นดิน ไฟก็จะไหม้โลก ถ้าจะโยนขึ้นไปบนอากาศ ฝนก็จะแล้ง ถ้าจะทิ้งในมหาสมุทร น้ำก็จะแห้ง จึงให้ธิดาทั้งเจ็ดนำพานมารองรับ แล้วก็ตัดเศียรให้นางทุงษะ ผู้เป็นธิดาองค์โต จากนั้นนางทุงษะก็อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมเวียนขวารอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที แล้วเก็บรักษาไว้ในถ้ำคันธุลี ในเขาไกรลาศ

จากนั้นมาทุก ๆ 1 ปี ธิดาของท้าวกบิลพรหมทั้ง 7 ก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาทำหน้าที่อัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลพรหมแห่ไปรอบเขาพระสุเมรุ เป็นเวลา 60 นาที แล้วประดิษฐานตามเดิม ในแต่ละปีนางสงกรานต์แต่ละนางจะทำหน้าที่ผลัดเปลี่ยนกันตามวันมหาสงกรานต์ ดังนี้


ถ้าวันอาทิตย์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม ทุงษะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกทับทิม อาภรณ์แก้วปัทมราช ภักษาหารอุทุมพร (ผลมะเดื่อ) พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์ เสด็จมาบนหลังครุฑ


ถ้าวันจันทร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม โคราคะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกปีบ อาภรณ์แก้วมุกดา ภักษาหารเตลัง (น้ำมัน) พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังพยัคฆ์ (เสือ)


ถ้าวันอังคารเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม รากษสเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกบัวหลวง อาภรณ์แก้วโมรา ภักษาหารโลหิต พระหัตถ์ขวาทรงตรีศูล พระหัตถ์ซ้ายทรงธนู เสด็จมาบนหลังวราหะ (หมู)

ถ้าวันพุธเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มณฑาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจำปา อาภรณ์แก้วไพฑูรย์ ภักษาหารนมเนย พระหัตถ์ขวาทรงเข็ม พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จมาบนหลังคัทรภะ (ลา)


ถ้าวันพฤหัสบดีเป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิริณีเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกมณฑา อาภรณ์แก้วมรกต ภักษาหารถั่วงา พระหัตถ์ขวาทรงขอช้าง พระหัตถ์ซ้ายทรงปืน เสด็จมาบนหลังคชสาร (ช้าง)


ถ้าวันศุกร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม กิมิทาเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกจงกลนี อาภรณ์แก้วบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำ พระหัตถ์ขวาทรงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายทรงพิณ เสด็จมาบนหลังมหิงสา (ควาย)


ถ้าวันเสาร์เป็นวันมหาสงกรานต์ นางสงกรานต์นาม มโหธรเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกสามหาว อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จมาบนหลังมยุรา (นกยูง)

สำหรับความเชื่อทางล้านนานั้นจะมีว่า

วันอาทิตย์ ชื่อ นางแพงศรี
วันจันทร์ ชื่อ นางมโนรา
วันอังคาร ชื่อ นางรากษสเทวี
วันพุธ ชื่อ นางมันทะ
วันพฤหัส ชื่อ นางัญญาเทพ
วันศุกร์ ชื่อ นางริญโท
วันเสาร์ ชื่อ นางสามาเทวี

วันเสาร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2551

สารานุกรมผี

ผีทะเล
ผีชนิดหนึ่ง มักพบในผู้ชายได้ทั่วไป หากทำอะไรให้คุณสาวๆ เธอไม่พอใจเธอจะสาปคุณเป็นผีชนิดนี้
ผีปอบ
ผีชนิดนี้มักจะลงในกระเพาะของคนทำให้เกิดอาการกินแบบตายอดตายอยากหากในวงเหล้า ของคุณมีพวกผีปอบลงท้องร่วมอยู่ด้วย สังเกตได้ว่าคนพวกนี้จะไม่ใคร่สนใจสุรา แต่จะโฟกัสที่กับแกล้มมากกว่า พอคนอื่นนึกได้และจะกินบ้าง กับแกล้มนั้นก็จะอันตรธานหายไปเหลือแต่ผักกาดหอมกับส้อมกลาง พวกผีปอบลงท้องนี้ เป็นที่รังเกียจของบุฟเฟ่ต์ เรสเตอร์รองทั่วไป บางครั้งหากผีปอบนี้ไปลงท้องผู้มีอำนาจในบ้านในเมือง พฤติกรรมการกินอาจจะเปลี่ยนไปกินอะไรที่คนธรรมดาเขาไม่กินกันก็ได้ เช่น อิฐ หิน ดิน ทราย ผักสวนครัวยารักษาโรค ยางพารา เรือขุด ฯลฯ
ผีอมตะ
ในวงการหนังไทยมันไม่เคยตาย ย้ำ... มันไม่เคยตาย สามารถขุดออกมาหลอกหลอนได้ตั้งแต่ ยุคหนังขาวดำยันดิจิตอล
ผีเจาะปาก
ผีชนิดหนึ่งที่ทำให้คนบางคนเกิดความยับยั้งชั่งใจในการพูด หรือใช้โทรศัพท์มือถือสามารถพูดโทรศัพท์มือถือได้เจื้อยแจ้วอุตลุดไม่เลือกที่ ไม่ว่าจะในห้องน้ำห้องส้วม บนรถเมล์รถตู้ ในโรงหนัง หรือแม้กระทั่งในงานศพญาติตัวเอง
ผีเปรต
ผีพวกนี้สมัยก่อนเชื่อว่าตัวสูงเยี่ยมเทียมฟ้าแต่ปากเท่ารูเข็ม ร้องขอส่วนบุญ ในปัจจุบันนี้ผีเปรตได้พัฒนาทางพันธุกรรมชั้นสูงจนมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการแต่นิสัยขอส่วนบุญนี้ยังคงมีอยู่ ผีพวกนี้มักจะขอส่วนบุญเพื่อนร่วมงานหรือคนใกล้ชิดในรูปแบบต่างๆ เช่น การขอร้องแกมบังคับให้เพื่อนๆ ซื้อสินค้า MLMบ้าบอคอแตก เช่น น้ำผลไม้ขวดละเป็นพันบ้าง หรือพวกไม่ทำงานแต่ขอพ่วงชื่อเสนอเป็นผลงานบ้าง กระทั่งผีเปรตบางตัวถึงขนาดขโมยผลงานของคนอื่นไปแอบอ้างชื่อตัวเองขอส่วนบุญเสียดื้อๆ ก็มี
ผีพนัน
ผีพวกนี้มีความจำเป็นเลิศ คือสามารถจำสถิติการออกสลากกินแบ่งย้อนหลังไปได้หลายปี หรือสามารถจำได้ว่านักเตะคนไหนย้ายเข้าย้ายออกสโมสรไหนบ้าง แต่ไม่เคยจำได้เลยว่าลูกเมียเกิดวันที่เท่าไร หรือเรียนชั้นไหนแล้วผีพวกนี้หายใจเป็นตัวเลขตลอดเวลา ในยามที่ผีพนันอาละวาดนั้นจะส่งผลรุนแรงยิ่งกว่าผีใดๆกล่าวคือสามารถทำลายเงินทอง ทรัพย์สินบ้านช่อง ที่ดิน หรือกระทั่งชีวิตลูกเมียตัวเองก็ได้
ผีหัวขาด
เนื่องจากผีพวกนี้ไม่มีหัว แม้จะมีหัวให้มองเห็นได้ในภายนอก แต่ก็ไม่สามารถใช้คิดอะไรได้ ผีพวกนี้สังเกตง่าย คือจะชอบทำอะไรตามคนอื่น ไม่ค่อยตัดสินใจเอง อ่านหนังสือก็ต้องเล่มที่เขาว่าฮิต ดูหนังก็ต้องเรื่องที่ติดอันดับบ็อกซ์ออฟฟิศในอเมริกา ฟังเพลงก็ต้องรอให้เอ็มทีวี หรือแน่น่อนวีมาแนะนำเสียก่อนผีพวกนี้น่ากลัวเวลาอยู่กันเป็นหมู่ จะอ่านหนังสือเรื่องเดียวกัน หิ้วกระเป๋า แต่งตัวแบบเดียวกัน ทำผมทรงเดียวกัน โอ้ อนาคตประเทศชาติ
ผีตาโบ๋
ผีพวกนี้ไม่มีตา หรือมีก็แกล้งทำเป็นไม่มี ผีพวกนี้จะมองไม่เห็นคุณงามความดีหรือความสามารถของคนอื่นเลย แต่จะสามารถเห็นได้แต่เฉพาะข้อดี สิ่งดีของตัวเองเท่านั้น คนอื่นแย่หมด ถ้าเจอมนุษย์ประเภทตัวเอง(และพรรคพวก) ดีคนเดียวคนอื่นเลวหมด สันนิษฐานได้เลยว่าเขาถูกผีตาโบ๋สิงเสียแล้ว

วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

Be my Valentine, for I
Each day have thought of you.
My whole life couldn't manage what
Your ready smile can do,
Vanquishing my loneliness
As though all light were new.
Let me be your Valentine
Even as you're mine,
Needing what I have to give
That each might each define
In friendship and in harmony,
Now you, now I the melody,
Each helping each to shine.

วันนี้เอากลอนวันวาเลนไทน์มาฝากกัน


* ความรัก กับความจริง มักสวนทางทุกก้าวย่าง ทางเดิน หาคู่ฝันมักจะมี หลายสิ่ง ที่ต่างกันทำให้เธอ กับฉัน ต้องอับจน


* เจ็บไม่เจ็บ ก็ไม่ต่าง ไปจากเดิมที่เพิ่มเติม คือความเหงา เข้ามาหาใจมันเจ็บ แต่อดทน จนชินชาลืมแล้วว่า เสียน้ำตา ไปเท่าไร

* ฉันเป็นได้ แค่กองหลัง ฟังเขาด่าสะกัดบอล ไม่เข้าท่า เขาว่าให้ไม่ได้เป็น กองหน้า ดังกว่าใครแต่ฉันก็ ไม่ยอมให้ เสียประตู


* รอได้ไหม คนดี รอได้ไหมรอให้พร้อม ทั้งกายใจ มากกว่านี้รอฐานะ รอเงินทอง รออีกปีแต่ความรัก ตอนนี้ พร้อมชัวร์ชัวร์


* ถ้าแน่จริง อย่ากดตอบ ไม่ชอบใจอยากเจอหน้า ทันใด ในบัดนี้ได้แต่ส่ง ข้อความ ตามหลายทีเอาแต่ตอบ ขอไปที มีเลศนัย


* หมอฟันธง เอาไว้ว่า ถ้าใครอ่านจะพบพาน คู่แท้ แน่จริงจ้าแถมฟันธง เอาไว้ ใครส่งมาตามชะตา คือคู่แท้ แน่จริงจริง


* นี่แหละคือ ความเสียใจ ที่ได้เจอหากวันนี้ ไม่มีเธอ เหมือนวันนั้นถึงได้รู้ ความเสียใจ เป็นไงกันมันมากเกิน เกินกว่าฉัน เคยพบมา

* อย่ามาทำ เป็นรู้ ดีกว่าฉันไม่ต้องมา สั่งสอนกัน มันไม่ใช่ทำหน้าที่ ไปดีกว่า อย่าใส่ใจคนอย่างฉัน เกินกว่าใคร จะรักลง


* มีความสุข มากนักเหรอ ที่เธอทำหรือคิดว่า แค่ขำขำ เลยทำได้เธอน่ะ ทำเป็นเล่น ไม่เห็นใจรู้ไหมว่า ฉันคิดไง ที่จริงจัง

* ทนไม่ไหว ถ้ามีใคร ใกล้ชิดเธอเพราะอาจเผลอ มีใจ ให้กับเขาทนไม่ได้ ถ้ามีใคร ย่ำใจเราลืมไปว่า ได้แต่เฝ้า แอบรักเธอ

วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

Brazil


Brazil is the biggest country in South America. It borders every other country of the continent except Chile and Ecuador. Brazil is very much a country of contrasts. When someone hears the word Brazil, one thinks of the great Amazon forest, fantastic beaches, great soccer players, Carnival time - and that's all. Well, Brazil, the most important country in South America, certainly has MUCH more to offer - warm people, great cities with everything from slums to high technology, a wide range of weather patterns, an awesome mixture of cultures and races - and much more!

วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2551

ROSE


Le rose est une couleur ambiguë, sous rouge pour les physiciens qui le considèrent comme un rouge désaturé, « bâtard du rouge triomphant » selon Jean Ray , couleur fragile et éphémère, placée dès Homère dans la subjectivité et la poésie.
Le rose correspond à un ensemble de teintes (nuances ou tons) parmi lesquelles la plus communément admise est le résultat obtenu en mélangeant du rouge avec du blanc. Selon d'anciennes terminologies artistiques, la nuance ainsi obtenue est dite lavée (au contraire de rabattue pour une couleur mélangée à du noir). La boisson
lait-fraise, constituée par une dose de sirop de fraise dans un verre de lait, correspond à cette acception populaire du rose. En réalité, la variété des tons roses est plus large. Il existe des nuances de rose très vif au nombre desquelles on compte le magenta, l'une des trois couleurs primaires de la synthèse soustractive qui ne sont pas reproductibles par simple mélange de rouge et de blanc.
Dans le référentiel couleur
CIE Lab le rouge est donné par la composante « a* positive » , le jaune par la composante « b* positive » (le rapport des deux déterminant la nuance) alors que la composante « L » correspond à une proportion de blanc présente s'il est positif et de noir si la valeur est négative.
Les usages, les valeurs et la symbolique du rose procèdent de domaines variés qui touchent à l'identité, au rapport aux autres comme à sa propre existence.

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2551


Le gypaète barbu (Gypaetus barbatus) est un des quatre grands vautours européens.
Le gypaète barbu est la seule
espèce du genre gypaète (Gypaetus). Il appartient à l'ordre des Accipitriformes et à la famille des Accipitridés. Son envergure varie de 245 à 285 cm pour un poids de 5 à 7 kg.
En
France, il est présent en Corse et dans les Pyrénées mais aussi réintroduit dans les Alpes où il avait disparu au début du XXe siècle, faussement accusé des pires maux.
C'est aujourd'hui une espèce protégée dans toute l'
Europe.

วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2551


indicateurs colorés de pH (ou indicateurs acide-base) sont des molécules qui ont la capacité de changer de couleur en fonction de l’acidité (au sens de Brønsted) de leur milieu environnant. La propriété qui lie couleur apparente et pH est appelée halochromisme. Par extension, l'indicateur de pH est donc un détecteur chimique de l'ion hydronium (ou oxonium) H3O+.
Cette propriété leur donne ainsi une utilité dans certaines sciences expérimentales telles que la
chimie, la biologie ou la médecine. Elle leur confère par ailleurs un attrait pédagogique qui permet par exemple d’introduire les dosages acide-base au lycée sans initiation préalable au suivi pH-métrique ou conductimétrique d’une réaction.
Leurs synthèses conduisant le plus souvent à des solides, les indicateurs colorés sont la plupart du temps utilisés en infimes quantités à l’état solvaté (dans l’eau, la
soude ou l’éthanol par exemple) dans des solutions aqueuses. Ces quelques gouttes pourront donc colorer très nettement une solution et la couleur de celle-ci sera sensible aux valeurs que prend son pH. Dans les cas où l'on ne peut pas mélanger l'indicateur à la solution (cas, par exemple, de l'alimentaire), on peut imbiber un papier spécial de cet indicateur et y déposer une goutte de la solution pour observer le changement de couleur.

วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2551

สารพันคุณค่าจากเนื้อปลา

โรคหัวใจเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย พักหลังๆ นักโภชนาการจึงแนะนำให้คนรับประทานปลากันมากๆ เพราะปลาเป็นแหล่งของโปรตีนคุณภาพดี ย่อยง่าย มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว และกรดไขมันพิเศษที่เรียกว่า “โอเมก้า-3” ค่อนข้างสูง ถ้าเป็นปลาเล็กปลาน้อยที่รับประทานทั้งกระดูกก็จะได้แคลเซียมปริมาณสูงแถมไปด้วย

แล้วเราจะทราบอย่างไรว่า…ควรรับประทานปลาปริมาณเท่าไรถึงจะพอเพียง

จริงๆ แล้วปริมาณอาหารที่พอเพียงเป็นทฤษฎีที่มีแต่นักโภชนาการเท่านั้นที่ทราบดี ว่าอาหารใดมีประโยชน์มากน้อยต่างกันอย่างไร การที่จะทราบปริมาณของสารอาหารได้ต้องผ่านการวิเคราะห์ทางเคมี แล้วยังต้องนำไปเทียบกับปริมาณที่รับประทานจริงในแต่ละครั้งอีกต่างหาก คนทั่วไปอย่างเราๆ ต้องอาศัยการกะปริมาณเอา อย่างง่ายๆ ในการรับประทานปลา คุณมักจะได้ยินการพูดถึง”ปริมาณหนึ่งหน่วยบริโภค” อยู่เสมอๆ …แล้วมันเท่าไรกันละนี่ ก็ลองกะคร่าวๆ ได้เท่าๆ กับ 1/3 ถ้วยตวง ประมาณนั้น เหตุที่ใช้เป็นถ้วยตวง คงทำให้ง่ายขึ้น เพราะเป็นเครื่องครัวพื้นฐานที่มีเกือบทุกครัวเรือน และตำรับอาหารต่างๆ ก็กำหนดกันเป็นถ้วยตวงอยู่แล้ว

ในแต่ละวันคนเราในวัยทำงานจะต้องการโปรตีนวันละ 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เช่น ถ้ามีน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม จะต้องการโปรตีนวันละ 50 กรัม เป็นต้น ปริมาณโปรตีนในเนื้อปลาสุกมีค่าอยู่ระหว่าง 16-30 กรัมต่อ 100 กรัม (หรือ 9 –17 กรัมต่อ 1/3 ถ้วยตวง) ดังนั้นคนที่หนัก 50 กิโลกรัม แล้วต้องการโปรตีนจากปลาเพียงอย่างเดียวก็คงต้องรับประทานจำนวนเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว ปกติปลามีส่วนที่รับประทานได้ประมาณร้อยละ 55-80 ในบรรดาปลาชนิดต่างๆ แนะนำว่าปลาสลิดตากแห้ง มีโปรตีนมากกว่าชนิดอื่น เมื่อเทียบกับแหล่งโปรตีนจากเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ ปลาดิบ ปลาต้ม และปลานึ่งทุกชนิดมีไขมันและพลังงานต่ำ ซึ่งปลาย่างและปลาทอดจะมีไขมันและพลังงานสูงกว่าอีกหน่อย

เมื่อคุณคิดจะรับประทานปลาให้มากขึ้นแล้ว…ลองมาดูกันว่ามีปลาชนิดไหนน่าเลือกรับประทานบ้าง โดยแบ่งประเภทปลาสดได้จากปริมาณไขมันในปลา คือ
ปลาที่มีไขมันต่ำมาก (น้อยกว่า หรือเท่ากับ 2 กรัมต่อ 100 กรัม) ได้แก่ ปลาไหล ปลากราย ปลานิล ประกะพงแดง และปลาเก๋า
ปลาที่มีไขมันต่ำ (มากกว่า 2-4 กรัมต่อ 100 กรัม) คือ ปลาทูนึ่ง ปลากะพงขาว ปลาจะละเม็ดดำ และปลาอินทรี
ปลาที่มีไขมันปานกลาง (มากกว่า 4-5 กรัมต่อ 100 กรัม) คือ ปลาสลิด ปลาตะเพียน และปลาจะละเม็ดขาว
ปลาที่มีไขมันสูง (มากกว่า 8-20 กรัมต่อ 100 กรัม) คือ ปลาช่อน ปลาสวาย ปลาดุก และปลาสำลี

คงจะพอเลือกกันได้แล้วว่าปลาชนิดไหนเข้าตากรรมการบ้าง ไม่ว่าคุณจะเลือกรับประทานชนิดไหน คุณก็ยังจะได้สารอาหารที่มีคุณค่าอื่นๆ อีกมากมาย เพราะนอกจากจะมีโปรตีน และไขมันต่ำแล้วยังมีกรดไขมันอิ่มตัว และโคเลสเตอรอลไม่สูงมากนัก อาหารบางชนิดอุดมด้วยสารสองชนิดนี้ จึงก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดอุดตันโดยเฉพาะหัวใจได้ แต่ในปลามีกรดไขมันอิ่มตัวและโคเลสเตอรอลน้อยกว่า 25 % ของปริมาณที่สำนักงานอาหารและยาแนะนำให้บริโภคต่อวัน (น้อยกว่า 20 กรัม, Thai Recommended Daily Intake, Thai RDI) จึงน่าจะปลอดภัยใช้ได้ที่จะเลือกเป็นอาหารจานหลักประจำบ้าน

ในขณะเดียวกันในเนื้อปลาก็ยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่สำคัญอีกหลายชนิดด้วยกัน ทั้งโอเมก้า 3 เช่น กรดไอโคซาเพนตะอีโนอิก (EPA) และกรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (DHA) มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตัน ช่วยลดระดับไขมันในเลือด… จะพบได้มากในปลาทะเล และปลาน้ำจืดที่นิยมเลี้ยงเพื่อจำหน่าย เช่น ปลาจะละเม็ดดำ ปลาจาระเม็ดขาว ปลากะพงขาว ปลาสวาย ปลาสลิด ปลาดุก และปลาช่อน เมื่อนำมาต้มหรือนึ่งจะให้กรดไขมันโอเมก้า 3 สูง คือ รับประทาน1/3 ถ้วยตวง (หนึ่งหน่วยบริโภค) จะให้กรดไขมันโอเมก้า-3 ร้อยละ 54-120 ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคในประเทศสหรัฐอเมริกา (600 มิลลิกรัมต่อวัน เมื่อได้รับพลังงาน 2,000 กิโลแคลอรี่) โดยเฉพาะปลาทอดด้วยน้ำมันพืช หรือปลาย่างจะมีกรดไขมันโอเมก้า-3 อยู่ ในระดับสูงมาก (คิดเป็นร้อยละ 67-287 ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน)

เมื่อรับประทานปลาเป็นประจำแล้วจะยังทำให้ห่างไกลจากโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับกระดูกและฟันที่เกิดจากการขาดธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม นอกจากนี้ยังมีธาตุเหล็กค่อนข้างสูงที่มีส่วนเสริมสร้างเลือด และที่สำคัญในปลากลับมีโซเดียม โปตัสเซียม และคลอไรด์ ที่มีผลก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงมีอยู่ในปลาปริมาณต่ำ ยกเว้นปลาบางชนิด เช่น ปลาสลิด ปลาทูนึ่ง หรือปลาที่ผ่านการหมักเกลือ หรือน้ำปลา เป็นต้น และถ้าเป็นปลาทะเล ก็ยังมีธาตุไอโอดีนแถมให้ไปช่วยป้องกันโรคคอพอก และบำรุงสมองในปริมาณที่พอเพียงกับความต้องการของร่างกายอีกด้วย

จากเรื่องราวของสารอาหารในเนื้อปลาชนิดต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ ปลา ได้รับยกย่องว่า เป็นแหล่งรวมของสารอาหารชั้นดีอันทรงคุณค่าชนิดหนึ่งเลยทีเดียว จากนี้ไปคงถึงเวลาแล้วที่คุณจะลดเนื้อสัตว์ใหญ่ชนิดอื่นๆ ลงหันมารับประทานปลา ผักสด ผลไม่ให้มากขึ้นกันดีกว่า สิ่งที่จะได้กลับมาเห็นจะเป็น ความเสี่ยงต่อโรคภัยลดลง สุขภาพสดใสแข็งแรง กระฉับกระเฉงขึ้นแน่นอน แต่…อย่าลืมนะครับว่า รับประทานปลาที่ปรุงสุกแล้วเท่านั้น จะปลอดภัยจากพยาธิต่างๆ อย่างนี้ถึงจะเรียกว่ารับประทานอย่างชาญฉลาด