วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2550

~~Yakuruto~~


ยาคูลท์ (「ヤクルト」, Yakuruto, ヤクルト?) ชื่อในภาษาอังกฤษว่า Yakult เป็นเครื่องดื่มคล้ายโยเกิร์ตชนิดหนึ่ง เกิดจากกระบวนการหมักของนมพร่องมันกับน้ำตาลและแบคทีเรียแลกโตบาซิลลัส (L. casei Shirota) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่พบในระบบดูดซึมอาหารของมนุษย์ ซึ่งส่งผลช่วยให้ระบบในร่างกายของมนุษย์ทำงานได้ดีขึ้น ชื่อของยาคูลท์มาจากภาษาเอสเปรันโต คำว่า Jahurto ซึ่งหมายถึงโยเกิร์ต
ยาคูลท์ถูกคิดค้นโดย ศาสตราจารย์ชิโระตะ มิโนะรุ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกียวโต ใน พ.ศ. 2473 และต่อมาใน พ.ศ. 2478 เขาได้ก่อตั้งบริษัทยาคูลท์ (Yakult Honsha Co., Ltd.) ในเมืองมินะโตะ จังหวัดโตเกียว ปัจจุบันได้มีการผลิตและจำหน่ายยาคูลท์ไปทั่วโลก
ทีมเบสบอล โตเกียว ยาคูลท์สวอลโลวส์ (Tokyo Yakult Swallows) ตั้งชื่อทีมตามบริษัทยาคูลท์ภายหลังที่บริษัทยาคูลท์ได้ซื้อทีมในปี พ.ศ. 2513

~~Tempura


Le tempura (tenpura en japonais) est un assortiment de beignets à la fois très savoureux et très digeste (une des rares fritures à basse calories), populaire au Japon depuis le XVIIe siècle.
Il s'agit d'une version plus légère d'une technique de friture (rebozado) introduite par des missionaires jésuites Espagnols et Portugais un siècle plus tôt.
Les beignets consistent en une pâte à frire fluide classique, à base de farine, de jaune d'œuf et d'eau glacée, dans laquelle on trempe toutes sortes de produits:
*des tranches de poisson (à chair blanche): filets de cabillaud, etc. ou petits poissons frais destinés à la friture.
*des fruits de mer :
crevettes, huîtres, rondelles de seiche, poulpe etc.
*des tranches de
viande, surtout de porc
*et toujours une forte proportion de
légumes coupés en tranches: carottes coupées en grosses lamelles, tranches ou rondelles d'oignon, de quartiers d'aubergine incisés en éventail (chasen-giri 茶筅切り), de poivron, de petites branches de persil qui, enrobés de pâte, ressembleront à des "pins sous la neige" du plus bel effet, sans oublier les feuilles de shiso vert (aojiso) qui craquent sous la dent. On peut aussi couper certains de légumes (carottes, pommes de terre) plus finement (en allumettes) et les jeter dans l'huile par petits fagots.
Le secret d'un bon tenpura est la finesse de la pâte à frire qui doit être un peu plus fluide qu'une pâte à crèpes, et surtout maintenue froide sur un lit de glace. Le bain de friture doit, au contraire, être à 180°C (on peut savoir que cette température a été atteinte en jetant une goutte de pâte à frire, laquelle doit plonger immédiatement et remonter à la surface très rapidement avec un grésillement caractéristique, sans pour autant noircir). L'huile utilisée traditionnellement au Japon est l'huile de sésame, très parfumée ("trop" pour certains?), mais peut être avantageusement remplacée par toute bonne huile vierge poly-insaturée (huile d'olive, de carthame, de pépins de raisin, etc.)
C'est ce contraste de température qui permet une cuisson rapide et parfaite, la carapace très vite formée rendant le beignet croquant sous la dent en surface, empêchant l'huile de trop pénétrer à l'intérieur, ce qui permet de conserver la saveur et la couleur des légumes. Le tempura est certainement une des fritures les plus digestes et savoureuses qui soit.
Il est généralement servi tel quel, dans une corbeille de bambou tressé ou une assiette, posé sur un papier absorbant. On saisit un morceau avec ses baguettes et le plonge dans un ramequin individuel, contenant du radis noir râpé additionné de jus de citron (ou de vinaigre de riz) et de sauce de soja. Mais certains le préfèrent à la croque au sel, surtout pour l'apéritif.
On le sert généralement accompagné de riz (en bol séparé), ou en restauration rapide, en donburi (grand bol de riz garni) ou encore en garniture pour certaines soupes de pâtes (udon) et (soba).
Tout comme le tempura, le Kasutera ou Castilla (Pain de Castille, d'origine Espagnole et actuelle Torta ) fait également partie des influences culinaires laissés par les missionnaires Espagnols et Portugais.

ซูชิ น่าหม่ำ ~ โอ๊ย น้ำลายใหล !!!!



~~SUSHI~~

ซูชิ (寿司 และมีการเขียน 鮨 หรือ 鮓) หรือข้าวปั้นมีหน้า เป็นอาหารญี่ปุ่น ที่ข้าวมีส่วนผสมของน้ำส้มสายชู และกินคู่กับปลา เนื้อ หรือ ของคาวชนิดต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น ซูชิมักจะหมายถึงอาหารที่มีส่วนประกอบของ ซูชิเมะชิ (寿司飯, ข้าวที่ผสมน้ำส้มสายชู) และมีหน้าแบบต่างๆเป็นหน้า ที่นิยมได้แก่ อาหารทะเล ผัก ไข่ เห็ด เนื้อที่นำมาใช้อาจจะเป็นเนื้อดิบ หรือ เนื้อที่ผ่านกระบวนการทำอาหารแล้ว สำหรับในประเทศอื่น
ซูชิ หมายถึง การรวมกันระหว่างปลากับข้าว ซูชิมีวิวัฒนาการมาเมื่อหลายร้อยปีมาแล้วซึ่งเกิดจากความต้องการถนอมอาหารของคนญี่ปุ่น
"ซูชิ" นิยมหมายถึง นิงิริซูชิ ที่เป็นข้าวมาอัดเป็นก้อนและมีเนื้อปลาวางบนด้านหน้าเท่านั้น

นิงิริซูชิ (Nigiri Sushi) เป็นซูชิพบได้บ่อยในภัตตาคาร ซูชิิจะมีลักษณะข้าวเป็นก้อนรูปวงรีแล้ววางเนื้อปลาดิบ ปลาหมึก ฯลฯ ไว้ข้างบน อาจจะใส่วาซาบิเล็กน้อย หรือตกแต่งด้วยสาหร่ายทะเลก็ได้ ซูชิแบบนี้เป็นที่นิยมมากที่สุด

มากิซูชิ (Maki Sushi) มีวิธีทำ 3 แบบด้วยกัน
1) ม้วนข้าวไว้ด้านในสาหร่ายทะเลอยู่ด้านนอก
2) ม้วนสลับกับแบบแรกโดยที่สาหร่ายอยู่ด้านในส่วนข้าวอยู่ด้านนอก
3) ห่อเป็นรูปกรวย เรียกว่า แคลิฟอร์เนียมากิ

ชิราชิซูชิ (Chirashi Sushi) เป็นการจัดปลาดิบ ปลาหมึก กุ้ง ผัก ฯลฯ ที่หั่นเป็นชิ้นๆ วางเรียงบนข้าวที่ใส่อยู่ในกล่อง

โอชิซูชิ (Oshi Sushi) หรือรูปแบบคันไซจากเมืองโอซาก้า เอาข้าวมาอัดลงในแม่พิมพ์รูปสี่เหลี่ยมตามยาวหั่นขนาดพอดีให้รับประทานเป็นคำๆ แล้ววางเนื้อปลาไว้ด้านบน

อินะริซูชิ ซูชิที่นำเนื้อมาใส่ในเต้าหู้ที่มีลักษณะเป็นถุง

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2550

7 พืชพันธ์ ปลุกผิวตื่น สดชื่นจากภายในถึงภายนอก


ผิวพรรณที่เปล่งปลั่งสดใสย่อมบ่งบอกได้ถึงสุขภาพที่ดีของร่างกาย
แต่ถ้าผิวไม่ได้รับการบำรุงดูแลที่ดี
ก็อาจทำให้คุณดูร่วงโรยก่อนวัย เกิดริ้วรอย
ผิวหมองคล้ำหรือแห้งลอกพืชพันธ์ทั้ง 7 ชนิดนี้ นอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้ว
ยังช่วยเติมความสดใสให้ผิวคุณสวยได้ทั้งจากภายในจนถึงภายนอก

ถั่วเหลือง....มิตรแท้ของผู้หญิง

ธัญพืชชั้นยอดที่ให้โปรตีนมากกว่าเนื้อสัตว์โดยรวมถึง 1.5 เท่า ไม่มีโคเลสเตอรอลและไขมันต่ำ
แถมไม่ทำให้อ้วน ที่สำคัญถั่วเหลืองมีวิตามินอีสูง
ช่วยให้ผิวพรรรเปล่งปลั่งไม่เหี่ยวย่นง่าย การดื่มน้ำนมถั่วเหลืองเป็นประจำยังสามารถ
ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิง และยังลดอาการวูบวาบในหญิงวัยทอง
อย่างนี้แล้วจะไม่เรียกว่ามิตรแท้ได้อย่างไร

เนียนนุ่มด้วยเบอร์รี่

ผลไม้จำพวกฟอเรสต์เบอร์รี่ ได้แก่ สตอรเบอร์รี่ แบล็กเคอเรนต์ ราสเบอร์รี่
นับว่ามีคุณค่าต่อผิวมากทีเดียว เพราะอุดมด้วยวิตามินซี
ที่ช่วยให็เซลล์ผิวสดใส แข็งแรง ต่อต้านอนุมูลอิสระตัวการที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ
และเกิดริ้วรอย นอกจากอร่อยให้คุณค่าแล้วผู้เชี่ยวชาญด้านความงามยังให้คำแนะนำว่า
หากนำสตอรเบอร์รี่สดมาปั่นให้ละเอียด ผสมโยเกร์ตรสธรรมชาติพอข้น พอกหน้าทิ้งไว้
10 - 15 นาที ผิวหน้าจะเนียนนุ่มชุ่มชื่นขึ้นด้วย

แตงกวากับหน้าใสๆ

แตงกวานั้นเป็นยอดผักสำหรับผิวสวย เพราะว่ามีน้ำเป็นองค์ประกอบมากถึง 96.4 %
การรับประทานแตงกวาจึงเหมือนกับ
การเพิ่มน้ำและความชุ่มชื้นให้กับร่างกายบำรุงเซลล์ผิวให้เปล่งปลั่ง
ชดเชยน้ำหล่อเลี้ยงผิวที่สูญเสียไปกับความร้อน สาวๆ นิยมนำแตงกวาฝาน
วางแนบกับดวงตาหรือผิวหน้า ซึ่งจะช่วยให้ความชุ่มเย็น ลดความแห้งกร้าน
ทำให้รู้สึกสบายผิวและสดชื่นได้

ส้มสำหรับผิวสาว

ส้มเป็นผลไม้ซึ่งจัดว่าโดดเด่นในด้านที่มีวิตามินซีสูง ซึ่งนอกจากจะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระแล้ว
ยังช่วยผลิตคอลาเจนที่ช่วยให้ผิวกระชับตึง
ส้มขนาดกลางๆ 2 ผล ก็ทำให้คุณได้รับวิตามินซีมากพอต่อความต้องการในแต่ละวันแล้ว
และหากรับประทานทั้งผลก็ยิ่งทำให้ได้รับคุณค่าสารอาหารและกากใย
หรือถ้าชอบดื่มน้ำส้มคั้นก็ควรเลือกที่มีเนื้อส้มผสมอยู่

แครอท....อาหารผิว

แครอท ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งเบต้าแคโรทีน การรับประทานแครอทให้ได้คุณค่านั้น
มีเคล็ดลับอยู่ว่าควรนำไปปรุงให้สุกเสีย

ก่อน ความร้อนจะช่วยทำลายผนังเซลล์ของแครอท ทำให้ร่างกายนำเบต้าแคโรทีนไปใช้ในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้มากขึ้น เซลล์ผิว แข็งแรงขึ้น
ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนัง และหากนำแครอทนึ่งสุกบดละเอียด
พอกหน้า 5 - 10 นาที ผิวจะดูเปล่งปลั่งและสุขภาพดีขึ้นได้

ผิวสดชื่นด้วยมะเขือเทศ

เรามักได้ยินอยู่เสมอว่า รับประทานมะเขือเทศเป็นประจำจะทำให้ผิวสวย
ข้อความนี้ไม่ได้ผิดไปจากความเป็นจริงเลย
เพราะมะเขือเทศอุดมไปด้วยวิตามินซี อี และเอ
สีแดงของมะเขือเทศยังมีสารไลโคปีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย การวิจัยพบว่าหากรับประทานสดๆ
วันละ 1 ลูก สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้ในระยะยาว

แอปเปิลเพื่อผิวกาย

ในบรรดาผลไม้เพื่อสุขภาพผิวทั้งหลายจะขาดแอปเปิ้ลไปเสียไปได้
เพราะแอปเปิ้ลเป็นแหล่งรวมของสารอาหารที่มีคุณค่าหลากชนิด
ทั้งวิตามินซี สารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้ผิวสดชื่น
ริ้วรอยก่อนวัยและเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น แอปเปิ้ลจะมีกากใยอาหารมากกว่า
แต่ให้พลังงานต่ำกว่า จึงเป็นผลไม้ที่ใช้แก้ท้องผูกได้ดี
และยังช่วยลดโคเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้
การรับประทานแอปเปิลทั้ง เปลือกยังทำให้คุณได้สารอาหารครบถ้วนมากขึ้นด้วย

อาหาร "ต้องห้าม" สำหรับโรคบางชนิด


ยามเจ็บไข้ได้ป่วย อาจจะได้รับคำแนะนำจากคนเถ้าคนแก่
ว่าห้ามรับประทานโน่นนี่ เพราะมันอาจเป็นของแสลง
บางอย่างก็นึกว่าทานได้ไม่เห็นมันน่าจะเกี่ยวกันตรงไหน
แต่รับฟังไว้บ้างก็ดีเพราะดูจะมีมูลอยู่เหมือนกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 10 โรคที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้

1. เป็นไข้หวัด มีไข้สูง : ควรหลีกเลี่ยงอาหารไม่สุก อาหารที่เย็นมาก ๆ อาหารทอด อาหารมัน ซึ่งเป็นอาหารที่ย่อยยาก จะทำให้เกิดความร้อนสะสม
เปรียบเสมืออาหารเชื้อเพลิง หรือเป็นการเติมน้ำมันเข้าไปในกองไฟนั่นแหละค่ะ

2. โรคกระเพาะ : ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ ชาแก่ ๆ กาแฟ ของเผ็ด
ของทอด ของมัน เพราะอาหารเหล่านี้ ทำให้เกิดความร้อนสะสม ทำให้โรคหายยาก
ทางที่ดีควรจะรับประทานอาหารปริมาณน้อย ๆ แต่บ่อยครั้ง
รับประทานอาหารให้ตรงเวลาและเป็นอาหารที่ย่อยง่าย

3. โรคความดันเลือดสูง : โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุที่มักมีปัญหาเหลือดเลือดแข็งตัว
ขาดความยืดหยุ่น ควรหลีกเลี่ยงอาหารมัน อาหารที่มีคอเรสเตอรอลสูง
เช่น หมูสามชั้น ไขกระดูก ไข่ปลา โกโก้
รวมทั้งเหล้า เพราะอาหารเหล่านี้ทำให้เกิดความร้อนชื้นสะสม
ในร่างกาย และความชื้นก็มีผลก็ทำให้เกิดความหนืดของการไหลเวียนทุกระบบในร่างกาย
และความร้อนก็จะไปกระตุ้นทำให้ความดันสูงนอกจากนี้
ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ด หรืออาหารหวานมาก
รวมทั้งผลไม้อย่างลำไย ขนุน ทุเรียน

4. โรคตับและถุงน้ำดี : หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อาหารมัน เนื้อติดมัน เครื่องในสัตว์
อาหารทอด อาหารหวานจัด เพราะแพทย์จีนถือว่า ตับและถุงน้ำดี
มีความสัมพันธ์กับระบบย่อยอาหาร การได้อาหารประเภทดังกล่าวมากเกินไป
จำทำให้สมรรถภาพของการย่อยอาหารอ่อนแอลงท
และเกิดโทษต่อตับและถุงน้ำดีอีกต่อหนึ่ง

5. โรคหัวใจและโรคไต : ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด เพราะจะทำให้มีการเก็บกักน้ำ การไหลเวียนเลือดจะช้า ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น
ไตต้องทำงานขับเกลือแร่มากขึ้น ส่วนอาหารรสเผ็ดก็ควรหลีกเลี่ยง
เพราะทำให้กระตุ้นการไหลเวียนสูญเสียพลังงานและ
หัวใจก็ทำงานหนักขึ้นเช่นกัน

6. โรคเบาหวาน : หลกเลี่ยงอาหารรสหวาน หรือแป้งที่มีแคลอรี่สูง เช่น
มันฝรั่งเ มันเทศ ควรรับประทานอาหารพวกถั่ว เช่น เต้าหู้ นมวัว
เนื้อสันไม่ติดมัน ปลา ผักสด

7. นอนไม่หลับ : หลีกเลี่ยงชา กาแฟ รวมทั้งการสูบบุหรี่
เพราะอาหารเหล่านี้ มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท
ทำให้ไม่ง่วงนอน หรือนอนไม่หลับสนิท

8. โรคริดสีดวงทวาร หรือท้องผูก : หลีกเลี่ยงอาหารประเภทหอม
กระเทียม หอม ขิงสด พริกไทย พริก เพราะอาหารเหล่านี้อาจทำให้ท้องผูก
หลอดเลือดแตก และอาการริดสีดวงทวารกำเริบ

9. ลมพิษ ผิวหนังอักเสบ หรือโรคหอบหืด : ควรหลีกเลี่ยงเนื้อแพะ เนื้อปลา กุ้ง หอย
ปู ไข่ นม และอาหารรสเผ็ด
เพราะจะไปกระตุ้นและทำให้อาหารผิวหนังกำเริบ

10. สิว หรือต่อมไขมันอักเสบ : งดอาหารเผ็ดและมัน
เพราะทำให้เกิดการสะสมความร้อนชื้นของกระเพาะอาหาร
ม้าม มีผลต่อความร้อนชื้นไปอุดตันพลังของปอด
ควบคุมผิวหนัง ขน ตามร่างกาย ทำให้เกิดสิว.

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2550

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของ เกาหลี

SEOUL

กรุงโซล (เซอูล) เมืองหลวงอายุมากกว่า 600 ปี ที่อนุรักษ์ความเก่าแก่โบราณให้กลมกลืนกับความทันสมัย ศูนย์กลางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม ถูกโอบร้อมด้วยภูเขาและมีแม่น้ำฮันคัง - สายโลหิตของชาวเมือง ไหลผ่านใจกลางเมืองและสวรรค์สำหรับนักช้อปปิ้ง มีประชากรราว 14 ล้านคน

1. KYONGBOK PALACE - NATIONAL FOLKLORE MUSEUM - PASSBY THE PRESIDENTIAL PALACE, BLUE HOUSEพระราชวังเคียงบ๊อก พิพิธภัณท์พื้นบ้าน แวะผผ่านชมบ้านประธานาธิบดี พระราชวังเคียงบ๊อก สร้างขึ้นในปี ค. ศ. 1394 สมัยราชวงศ์โซซอน เป็นศูนย์บัญชาการและที่ประทับของกษัตริย์ เมื่อสมัย 600 ปีก่อน เยี่ยมชมท้องพระโรง พลับพลากลางน้ำ ภายในพระราชวังมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ที่จำลองชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมของชนชาติเกาหลี ในอดีตตลอดจนผ่านชมทำเนียบและบ้านประธานาธิบดีคนปัจจุบัน

2. SEOUL TOWER (CABLE CAR + LIFT) สวนสาธารณะนัมซานและหอคอยกรุงโซล นั่งกระเช้าไฟฟ้าสู่สวนสาธารณะนัมซานซึ่งตั้งอยู่บนเขานัมซานใจกลางเมืองหลวง ชมทัศนียภาพอันงดงามของกรุงโซล บนหอคอยกรุงโซล 1 ใน 10 หอคอยเมืองที่สูงที่สุดในโลก สูงถึง 480 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล

3. CHOGYESA TEMPLE วัดโซเกซา สร้างขึ้นในปี 1910 เป็นวัดใหญ่เพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง และในปี 1936 ได้กลายเป็นวัดศูนย์กลางพุทธศาสนานิกายโซเก นิกายที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี ภายในศาลาจะเป็นที่ตั้งขององค์พระประธาน และพระพุทธรูปน้อยใหญ่ภายในวัดยังมีต้นสนที่นำมาจากเมืองจีน ซึ่งมีอายุกว่า 500 ปี ใกล้ ๆ กับวัด มีร้านสังฆภัณฑ์มากมายตั้งอยู่

4. HAN-GANG RIVER CRUISE ล่องแม่น้ำฮัน แม่น้ำฮัน เป็นเม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ตลอดความยาว 15 กม. ที่เรือเล่น จากท่าเรือชัมชิลหรือยอ-อิ-โด สองข้างทางแม่น้ำฮัน จะขนาบด้วยถนน สวนสาธารณะอนุเสาวรีย์ ตึกรามบ้านช่องทั้งแบบดั้งเดิมและทันสมัยความใสสะอาดของแม่น้ำฮัน

5. OLYMPIC STADIEUM สนามกีฬาโอลิมปิค ชมความยิ่งใหญ่ของสนามกีฬาโอลิมปิคซึ่งประเทศเกาหลีใต้ได้รับเกรียติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิคครั้งที่ 24 เมื่อ ปี ค.ศ.1988 สนามแห่งนี้สามารถจุผู้ชมได้ถึงหนึ่งแสนคน และยังได้รับคัดเลือกให้ใช้ในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ในปี ค.ศ. 2002 ซึ่งประเทศเกาหลีและประเทศญี่ปุ่นร่วมกันเป็นเจ้าภาพ

6. WAR MEMORIAL พิพิธภัณฑ์สงคราม แวะเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สงคราม ที่เปิดเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อระลึกถึงผู้คนและทหารหาญ ที่ได้ช่วยปกป้องประเทศเกาหลีในช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเพื่อสอนให้ผู้คนในปัจจุบันได้เรียนรู้ถึงบทเรียนอันเจ็บปวดที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก ท่านจะได้ถ่ายรูปกับเครื่องบิน รถถัง ตลอดจนยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่นำมาจากสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเกาหลีในปี 1950

7. PONGUNSA TEMPLE วัดพงเอินซา นำท่านนมัสการ วัดใหญ่- พงเอินซา วัดอันเก่าแก่ของชาวเกาหลี ชมความงดงามของศิลปะและสถาปัตยกรรมและนมัสการพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ พร้อมนมัสการเจ้าแม่กวนอิมองค์ยืนตระหง่านอยู่กลางแจ้ง

8. LOTTE WORLD ADVENTURE สวนสนุกล็อตเต้เวิลดิ์ นำท่านสู่ดินแดนแห่งความสนุกหฤหรรษ์และไฮเทคในรูปแบบใหม่ที่สวนสนุกล็อตเต้เวิลดิ์ สวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี สนุกสนานกับเครื่องเล่นหลากชนิดทั้งในร่มและกลางแจ้ง ไม่ว่าการผจญภัยกับโลกของซินเบต หอคอย โรงหนังสามมิติ ไวกิ้ง รถรางไฟฟ้า ชมความงามของสวนสนุกทั้งภายในและนอกอาคาร เกมส์การละเล่นต่าง ๆ ขบวนพาเหรด โชว์ต่าง ๆ ตลอดจนร้านขายอาหาร ร้านขายของที่ระลึกเฉพาะของสวนสนุกล็อตเต้เวิลดิ์

9. TONGDAEMUN MARKET ตลาดทงแดมุน ตั้งอยู่ใกล้ประตูเมืองตะวันออก เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของกรุงโซลและยอดฮิตที่สุด แหล่งรวมเสื้อผ้า ผ้าพันคอ เนคไท ถุงเท้า ถุงน่อง ชุดสูท ผ้าชิ้น อุปกรณ์กีฬา กิ๊ฟช้อป สินค้าพื้นเมือง ในราคาขายส่งและปลีก

10. NAMDAEMUN MARKET ตลาดนัมแดมุน ตั้งอยู่ใกล้ประตูเมืองทิศใต้ ซึ่งเป็นประตูเมืองที่เก่าแก่ที่สุดตลาดพื้นเมืองอีกแห่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ร้านอาหารเป็นต้น และร้านรวงต่าง ๆ ยังเปิดบริการเที่ยงคืนให้ ผู้ไม่มีเวลาระหว่างวันได้มาเลือกซื้อของ

11. ITAEWON STREET ถนนอีแทวอน เที่ยวเขตท่องเที่ยวพิเศษ - ถนนอีแทวอน ซึ่งเป็น 1 ในแหล่งช็อปปิ้งที่นักท่องเที่ยวหรือคนพื้นเมืองเองชื่นชอบมีร้านรวงกว่าพันร้านค้าตลอด ถนนที่ยาว 1.5 กม. มี สินค้าให้เลือกมายมาย โดยเฉพาะสินค้าเครื่องหนังที่ที่เลียนแบบยี่ห้อดัง ๆ จากทั่วโลก ในราคาน่าซื้อ ถือเป็นถนนนานาชาติ

12. INSADONG ย่านอินซาดอง ณ ย่านที่ได้ชื่อว่า " ถนนแห่งแอนติค " ค้นพบความเก่าแก่ที่ผสมอารยธรรมสมัยใหม่ในเมืองหลวง ร้านแกลอรี่ ร้านศิลปะพื้นเมือง ร้านขายวัตถุโบราณ ร้านอาหารพื้นเมืองที่เลื่องชื่อ ร้านชาพื้นเมือง โบราณที่มีชื่อเสียง ร้านสะสมแสตมป์ ร้านเซรามิค เป็นต้น

13. MYONGDONG ย่านเมียงดอง ถูกขนานนามว่า " ถนนแฟชั่นของเกาหลี " ทุก ๆ วัน จะมี ผู้คนมาที่นี่กว่า 1 ล้านคน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา หนุ่มสาว คนทำงาน เพื่อเลือกซื้อสินค้าและบริการที่ชื่นชอบ อาทิเช่น ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นบูติก ร้านรองเท้า ร้านทำผม ร้านคอสเมติก ร้านกาแฟ โรงหนัง และร้านอาหารนานาชนิด ไม่ไกลนักยังเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง

14. YONGSAN ELECTRONICS MARKET ตลาดไฟฟ้ายงซาน ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ใช้ภายในบ้านหรือแม้กระทั่งคอมพิวเตอร์ ก็สามารถหาซื้อได้ที่ นี่ ซึ่งมีร้านค้าคอยให้บริการมากกว่า 5,000 ร้าน มีขนาดใหญ่กว่าย่านอาคิฮาบาราของประเทศญี่ปุ่นเสียอีก

15. DEPARTMENT STORE ห้างสรรพสินค้า OR DUTY FREE SHOP ห้างหรือร้านค้าปลอดภาษี ห้างสรรพสินค้ามีอยู่ทั่วไป และร้านค้าปลอดภาษี อาทิเช่น ชิลล่าดิวตี้ฟรี ล๊อตเต้ดิวตี้ฟรี สนามบิน เป็นต้น

16. SHERATON WALKER HILL SHOW AND CASINO เชอราตัน วอกเกอร์ฮิล โชว์และคาสิโนแสดงอยู่ที่โรงแรมเชอราตัน วอกเกอร์ ฮิล เป็นประจำทุกวัน ในหอประชุมใหญ่ที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 700 คน โดยแสดงการร้อง การรำ ทั้งแบบในวังและพื้นเมืองที่หาดูได้ยากจากคณะนาฏศิลป์กรุงโซลและทอปเลคโชว์แบบลิโดหรือลาสเวกัสประกอบมายากล และอื่น ๆ อีกมากมายอย่างตระการตา ทั้งแสง สี เสียง ฉาก อย่างที่ประทับใจไม่รู้ลืม เพียงแห่งเดียวในเกาหลีหรือเสี่ยงโชคที่คาสิโน มีทั้งแบล์ค-เจต ลูเลต และอื่น ๆ ให้ท่านเลือกตามความชอบ ซี่งเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง

17. KOREA HOUSE บ้านวัฒนธรรมเกาหลี สถานที่ที่จัดแสดงวัฒนธรรมการร้อง รำ ทำเพลง ตลอดจนการแสดงระบำพื้นเมืองที่หากดูได้ยาก โดยจัดแสดงในบ้านแบบดั้งเดิมของเกาหลี

About the Vegetarian


ในแวดวงคนรักสุขภาพที่ไม่ต้องการมีน้ำหนักเกินพอดี เราเคยคุยเรื่องกินยังไงให้ผอมกันในหลายประเด็น ตั้งแต่การอด(เพื่อล้างพิษ) กินตามโปรแกรมลดน้ำหนัก กินพร่องแป้งแบบโลว์คาร์บ
คราวนี้จะขอพูดถึงการกินอีกแบบที่แม้จะไม่ช่วยให้คุณผอมเร็วเป็นคนละคน แต่จะช่วยให้ร่างกายของคุณค่อยๆ กำจัดส่วนเกินที่สะสม พร้อมๆ กับขจัดสารพิษตกค้างในร่างกาย คืนความสดใส อ่อนเยาว์ และสร้างสุขภาพสมดุลอย่างยั่งยืน หรือที่เราเรียกติดปากกันว่าการกิน “มังสวิรัติ” ไงคะ
ละเนื้อ ละอย่างไร
คนที่หันมากินแบบละหรืองดเนื้อแบบมังสวิรัตินั้น ไม่ได้มีเหตุผลจากความเชื่อทางศาสนาหรือไม่อยากเบียดเบียนชีวิตสัตว์ เพราะการละเนื้อโดยสิ้นเชิงทำได้ยากในชีวิตปกติ ด้วยเหตุนี้การกินมังสวิรัติจึงมีหลายระดับ ตั้งแต่ยังกินเนื้อสัตว์บางประเภท ไปจนถึงไม่กินอะไรเลยนอกจากพืชผัก
* Pollovegetarians คือกลุ่มที่ไม่กินเนื้อแดง แต่กินเป็ด ไก่ และอาหารจากพืช
* Pescovegetarians คือกลุ่มที่กินปลาเพิ่มขึ้นมาจากกินผักอย่างเดียว
* Lacto-Ovo-Vegetarians คือกลุ่มที่กินนมและไข่เพิ่มจากการกินพืช
* Lacto-Vegetarians คือกลุ่มที่กินเฉพาะนม และผลิตภัณฑ์จากนมทุกชนิด ร่วมกับการกินพืช
* Vegans คือกลุ่มที่กินอาหารจากพืชล้วนๆ ไม่กินเนื้อสัตว์ แม้กระทั่งไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม และน้ำผึ้ง
นอกจาก 5 กลุ่มข้างบน ยังมีการละเว้นเนื้อสัตว์เก๋ๆ อีก 3 แบบ คือ
* Sproutarians คือกลุ่มที่นิยมบริโภคหน่อต้นอ่อนของพืช อันได้แก่เห็ด ถั่วงอก ต้นอ่อน ก้านใบอ่อนของพืช ถั่วโตเร็ว ซึ่งว่ามีพลังและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง
* Fruitarians คือกลุ่มที่บริโภคผลไม้เป็นหลัก กินผลไม้ทุกชนิด โดยเฉพาะพวกเบอร์รี่ นิยมดื่มน้ำผลไม้คั้นสด รวมทั้งผลไม้เปลือกแข็งอย่างลูกนัต เมล็ดพืช และถั่วต่างๆ
* Raw Foodism คือกลุ่มที่นิยมบริโภคอาหารไม่ผ่านความร้อน หรือใช้ความร้อนไม่เกิน 48 องศาเซลเซียส เนื่องจากเชื่อว่าความร้อนจะทำลายเอนไซม์และคุณค่าทางโภชนาการในอาหารไป นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าในอดีตพระเยซูคริสต์ก็บริโภคอาหารในลักษณะนี้เช่นกัน

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2550

~โรคงูสวัด~


โรคงูสวัด (Herpes zoster) โรคงูสวัดเกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ "วีแซดวี" (varicella-zoster virus) เป็นคนละโรคกับ โรคเริม คนที่เป็นโรคงูสวัดจะต้องเคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน เมื่อภูมิต้านทานอ่อนแอลงจึงกลายเป็นโรคงูสวัดและโรคงูสวัดจะเป็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในชีวิตนี้ ซึ่งต่างกับโรคเริมที่จะกลับมาเป็นซ้ำได้อีก (ยกเว้น ผู้ที่มีความต้านทานต่ำมาก ๆ เช่น เอดส์อาจกลับมาเป็นโรคงูสวัดซ้ำได้อีก)
อาการ
จะมีอาการปวดมากเจ็บแสบร้อนบางคนคันร่วมด้วยเป็นไข้ได้ บางคนปวดจนทรมานมาก นอนไม่หลับ กลุ่มของตุ่มน้ำในนี้จะเริ่มแห้ง และตกสะเก็ดจางหายไปใช้ระยะเวลาประมาณ 7-14 วัน
ลักษณะผื่น
ระยะแรกจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อน หรือคันบริเวณที่เป็น ต่อมา 1-2 วัน จะเห็นมีกลุ่มของตุ่มน้ำใสเกิดขึ้น อยู่บนพื้นผิวหนังที่มีสีแดง และกลุ่มของตุ่มน้ำใสนี้จะวางเรียงตัวกันเป็นเส้นตามแนวของเส้นประสาทที่ผิวหนัง (ตามแนว dermatome) เพราะฉะนั้น จะเห็นเป็นทางขวางตามลำตัวด้านหน้า ด้านหลัง รอบเอว ตามแนวเส้นประสาทตามยาวที่แขนและขา หรือตามแนวเส้นประสาทที่บริเวณใบหน้า นัยน์ตา หู ศีรษะ เป็นต้น งูสวัด ไม่สามารถจะพันตัวเรา จนครบรอบเอวได้เพราะแนวเส้นประสาทของตัวเรา จะมาสิ้นสุดที่บริเวณกึ่งกลางลำตัวเท่านั้น ในคนธรรมดาที่มีภูมิต้านทานปกติ งูสวัดจะไม่ลุกลามเข้ามาแนวกึ่งกลางลำตัวไปอีกซีกหนึ่ง ของร่างกาย (ยกเว้นในกรณีที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น
โรคเอดส์ เป็นต้น ถ้าเกิดเป็นงูสวัด ก็อาจเป็นข้ามแนวกึ่งกลางลำตัวไปอีกซีกหนึ่งของร่างกายได้ หรือเป็นงูสวัดทั่วร่างกายได้)
อาการต่อเนื่อง
อาการปวดตามแนวเส้นประสาทระยะจากที่โรคงูสวัดหายแล้ว (post herpetic neuralgia) คืออาการปวดเจ็บแสบร้อนตามแนวเส้นประสาทนี้ ถึงแม้ว่า ผื่นงูสวัดหายไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีอาการปวดแสบร้อนอยู่ บางท่านเป็นอยู่หลายเดือนทำให้ทรมานพอสมควร มักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป
อาการแทรกซ้อน
สำหรับอาการแทรกซ้อนที่สำคัญคือ อาการปวดเกิดขึ้นภายหลังจากผื่นหายหมดแล้ว มักเกิดกับผู้สูงอายุที่เป็นงูสวัดบริเวณประสาทสมองคู่ที่ 5 อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณผื่น หรือโรคแทรกซ้อนทางตา เช่นตาอักเสบ เส้นประสาทตาอักเสบ หรือ แผลที่กระจกตา ในกรณีของผู้ป่วยที่ภูมิต้านทานต่ำ เช่น เป็นโรคเอดส์ หรือผู้ป่วยที่ได้รับยากดอิมมูน อาจมีการกระจายของผื่นทั่วตัวได้ แพทย์บางท่านอาจจะให้ยาฆ่าเชื้อไวรัสชนิดรับประทานเป็นเวลาประมาณ 5-10 วันร่วมด้วย ทั้งนี้ต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา
วิธีการรักษา
1.รักษาตามอาการคือ กินยาระงับอาการปวด อาการคัน เช่น พาราเซตามอล ไอดาแรค พอนสแตน คลอเฟนนิรามีน ฯลฯ
2.
ยาต้านไวรัส ซึ่งราคาค่อนข้างแพงมาก ควรอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ เฉพาะทางด้านผิวหนัง แต่ได้ผลดีมาก ช่วยระงับอาการได้รวดเร็ว และทำให้ระยะเวลา ของโรคสั้นลง เช่น กลุ่มยาอะไซโคลเวียร์ โซวิแรกซ์ วาลเทรกซ์ แฟมซิโคลเวียร์ ไวลิม ไวโรแรกซ์ เป็นต้น
3.ยาทากลุ่มฆ่าเชื้อไวรัส เป็นกลุ่มยา
อะไซโคลเวียร์
4.ยาทาพวก
เสลดพังพอน ใช้ทาระงับอาการได้ดีพอสมควร ราคาไม่แพง

วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2550

Œuf (cuisine)


L’œuf est un ingrédient naturel courant entrant dans la composition de nombreux plats, dans de nombreuses cuisines un peu partout dans le monde.
Le plus utilisé est l'
œuf de poule, mais on consomme aussi parfois les œufs d'autres oiseaux : caille, canard, oie, autruche... Dans l'usage courant, le terme « œuf » sans autre précision désigne l'œuf de poule.
Les œufs utilisés en cuisine ne doivent pas être fécondés et doivent être utilisés à l'état frais (moins de vingt-huit jours après la ponte).
On consomme également des œufs de
poissons (caviar, œufs de lump, poutargue), de tortues, de mollusques (escargots), d'insectes, etc.

TOMATES


La tomate est une plante annuelle de la famille des Solanacées, originaire d'Amérique du Sud. Le terme désigne aussi ce fruit charnu, qui est l'un des légumes les plus importants dans l'alimentation humaine et qui se consomme frais ou transformé. C'est l'ingrédient de cuisine le plus consommé dans le monde après la pomme de terre. Elle est cultivée sous presque toutes les latitudes, sur une superficie d'environ 3 millions d'hectares, ce qui représente près du tiers des surfaces mondiales consacrées aux légumes.
Longtemps appelée "pomme d'amour" ou "pomme d'or", son nom de « tomate » n'a été accepté par l'
Académie française qu'en 1835. Il a été emprunté au nahuatl (langue de la famille uto-aztèque) tomatl. Le nom lycopersicum signifie littéralement « pêche de loup », et fait référence au caractère toxique attribué initialement à ce fruit.
Nom scientifique : Solanum lycopersicum L., famille des
Solanacées. La tomate a aussi été appelée Lycopersicon esculentum. Cependant, des études récentes en génomique classent la tomate dans le genre Solanum, le même que la pomme de terre. La tomate compte plusieurs variétés.
Noms communs : tomate, pomme d'or, pomme d'amour, poma d'amor (en provençal), pomme du Pérou. En allemand et en espagnol, Tomate ; en danois et en suédois, Tomat ; en anglais et en espéranto, tomato ; en néerlandais, tomaat ; en portugais, tomateiro pour la plante et tomate pour le fruit ; en italien, tomatica ou pomodoro ; en hébreu עגבניה ; en japonais : トマト ; en arabe طماطم.

~~RIZ~~


Le riz (Oryza sativa) est une céréale, plante de la famille des Poacées ou Graminées, cultivée dans les régions tropicales, subtropicales et tempérées chaudes pour son fruit, ou caryopse, riche en amidon. Le vocable riz (généralement au pluriel) désigne aussi l'ensemble des plantes du genre Oryza, parmi lesquelles deux espèces sont cultivées, Oryza sativa et Oryza glaberrima, ou riz de Casamance.
Le riz est un élément fondamental de l'
alimentation de nombreuses populations du monde, notamment en Asie et en Afrique. C'est la première céréale mondiale pour l'alimentation humaine, la deuxième après le maïs pour le tonnage récolté. Le riz est à la base de la cuisine asiatique : cuisines chinoise et indienne notamment. On le cultive aussi en Europe, en Italie (plaine du ), en Espagne, en Russie, en Grèce, au Portugal, en France (Camargue), en Ukraine ou encore en Bulgarie.
Le riz est cultivé de diverses manières. On distingue classiquement les cultures pluviales (sans inondation du champ), inondées (le niveau d'eau n'est pas contrôlé), ou irriguées (la présence d'eau et son niveau sont contrôlés par le cultivateur). Un champ cultivé en riz est nommé
rizière.
Il peut être
blanc (Chine, Inde, France), brun (Chine), jaune (Iran), violet (Laos), gluant (Chine, Indonésie, Laos)… consommé en grains, en pâte, en soupe, en dessert (riz au lait)…